มาดูกันว่าโยเกิร์ตเป็นเครื่องดื่มแบบไหน 

โยเกิร์ต

ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่สร้างความแข็งแรงและช่วยเรื่องการปรับสมดุลร่างกายซึ่งหลายคนนิยมนำมารับประทานอย่าง โยเกิร์ต เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่สร้างประโยชน์ให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างมาก นมที่มาผลิตมีอยู่หลายแบบ เช่น นมถั่วเหลือง นมสด นมพร่องมันเนย ในบทความจะมาพูดถึงผลิตภัณฑ์ โยเกิร์ต ให้ทุกคนได้รู้จักมากยิ่งขึ้น 

โยเกิร์ต มีความเป็นมาอย่างไร 

จากประวัติความเป็นมาที่กล่าวไว้นั้น โยเกิร์ต เป็นอาหารซึ่งจัดอยู่โภชนาการบรรพบุรุษเก่าแก่สุดแห่งชาวบัลแกเรียนั่นคือเผ่าทราเซียน ซึ่งเป็นเผ่าที่เก่งเรื่องของการเลี้ยงแกะ ชื่อของ yogurt มาจากคำว่า yog แปลว่า ข้นหรือหนา ซึ่งเป็นภาษาทราเซียน และ urt คือ น้ำนม ในช่วงศตวรรษที่ 4 – 6 ชาวทราเซียนได้มีวิธีเก็บน้ำนมในถุงเอาไว้คาดเอวเวลาเดินทาง เมื่อน้ำนมโดนความอบอุ่นของร่างกายที่ได้มารวมถึงจุลชีพซึ่งอยู่ภายในหนังของแกะจึงทำให้เกิดปฏิกิริยาหมัก นมที่อยู่ในถุงจึงอยู่ในสภาพของโยเกิร์ต  

เวลาต่อมาได้มีการสันนิษฐานโดยนักวิทยาศาสตร์ว่า ก่อนที่จะมีเครื่องดื่มชนิดนี้ ได้มีสิ่งที่เรียกว่า คูมิส มาก่อน โดยจะเป็นนมที่ทำมาจากนมม้า ผู้ผลิตเป็นชนเผ่าเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ย้ายถิ่นฐานจากเอเชียไปคาบสมุทรมัลข่านเมื่อปี 1224 เมื่อเวลาผ่านไป โยเกิร์ต เป็นที่รู้จักมากขึ้นในประเทศฝรั่งเศสเมื่อศตวรรษที่ 16 จุดเริ่มต้นมาจากการที่นำเครื่องดื่มชนิดนี้ไปให้พระเจ้าฟราสซิสที่ 1 เสวยเพราะพระองค์มีพระอาการปั่นป่วนภายในท้อง ทำให้เครื่องดื่มนี้กลายเป็นที่นิยมในเวลาต่อมา 

โยเกิร์ต ผลิตจากอะไรบ้าง 

ในการผลิตโยเกิร์ตนั้น มีกรรมวิธีการผลิตที่ไม่ยากจนเกินไปซึ่งสามารถทำเองได้เพียงมีเชื้อของโยเกิร์ต เริ่มที่การตุ๋นนมสด จากนั้นให้ทำการเติมนมผง ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิ 95 องศาเป็นเวลา 5 นาที และคนจนเข้ากัน เมื่อคนเสร็จก็ลดอุณหภูมิจนเหลือที่ 45 องศา เติมเชื้อโยเกิร์ตคนให้เข้ากันเหมือนเดิม จากนั้นปิดฝาแล้วทิ้งไว้ให้พื้นคืนนั้น หรือก็คือการหมักนั่นเอง เมื่อหมักเรียบร้อยแล้ว คุณก็สามารถนำมากินได้เลยทันที หรือใครที่ไม่มีเชื้อ ก็หมักด้วยน้ำตาลกับจุลินทรีย์ที่เติบโตในน้ำนม ทั้งสองอย่างนี้จะผสมกันในอุณหภูมิปกติ ให้หมักทิ้งไว้เป็นเวลา 2 ถึง 3 วัน แล้วนำมาผ่านด้วยความร้อนโดยใช้วิธีแรก ก็เป็นอันเสร็จสิ้นและสามารถนำมากินได้ทันที 

จะเห็นว่าโยเกิร์ตเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่าและประโยชน์ต่อร่างกายของผู้รับประทานเป็นอย่างมาก มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานและนำมาใช้ในการรักษาอาการปั่นป่วนในท้องมาตั้งแต่อดีต จนมาถึงปัจจุบันกระบวนการผลิตสามารถทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมและเข้าถึงผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น